ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น (ฌาน) เล่มที่ 2

............ต่อไปนี้เป็นข้อความบางตอน ที่คัดมาจาก คำนำ "ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น (ฌาน)" เล่ม 2 โดย "ธีรทาส" ………"หนังสือ "ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น (ฌาน)" เล่ม 2 นี้ เป็นธรรมแนวทางเนื่องด้วย "อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา-สุญตา" ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน มหาสุญตาสูตร เป็นปัญญาวิมุตติ คือวิปัสสนาลืมตาดูโลก ให้เข้าถึงธรรมชาติในกายใจเราเองก่อน เป็นเรื่องที่มนุษย์ชาวพุทธส่วนมากยังมองข้ามไป หรือดังอริยครูท่านกล่าวไว้ว่า ไปทำสมถะนอกกาย สมาธินอกวัด ไปเรียนวิปัสสนากันทั่วทุกทิศ อย่างนี้ถ้ามีบ้าง ก็ยังนับว่ามีดีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ท่านว่ามันยังไกลอยู่มาก และบางคนไม่มีเวลาไปทำอย่างนั้น คณาจารย์สายเซ็น (ฌาน) ท่านชอบชี้แนะทางเจริญวิปัสสนาที่อยู่ใกล้ ๆ นั้นก็มี ที่เขาเรียกกันว่า วิปัสสนาหญ้าปากคอก สมาธิแค่จมูก ธรรมะอยู่ในกาย พุทธะอยู่ที่จิต คือบอกตรงเลยว่า ไม่ต้องไปเสียเวลา ไปหาอาจารย์ที่ไหน ๆ มาสอนตัวเราก็ได้ ตัวเรานี้แหละจะเป็นอาจารย์ของตัวเองได้ดี คือเอาธรรมชาติรอบ ๆ ตัวเราทั้งนอกและในเป็นครูสอนเรานั้นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในพระไตรปิฏก ทั้งหินยาน และ มหายาน ตรงกันไว้ว่า "ตนเป็นที่พึ่งของตน" อย่างนี้เป็นต้น อย่าสงสัย"……… ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น (ฌาน) เล่มที่ 2

แปลและเรียบเรียงโดย...." ธีรทาส"

บทที่ 1.

...........คณะของท่านภิกษุดอกบัวพ้นน้ำ ได้จาริกไปนมัสการปูชนียสถานต่าง ๆ อยู่เป็นเวลา ๖ เดือน มีโอกาสได้ สนทนาตอบปัญหาธรรมกับชาวพื้นเมืองเป็นจำนวนมากหลายดังนี้ :- นายเตียคี่เม้ง ได้มานมัสการถามว่า พวกกระผมที่มีโอกาสได้มาฟังธรรมเทศนาของพระคุณเจ้าแล้ว รู้สึกซาบซึ้งและสว่างแจ่มแจ้งขึ้นมาก แต่พวกกระผมบางคนก็ยัง ติดเหล้า ติดฝิ่น ติดบุหรี่ ติดเล่นการพนันต่าง ๆ เสียจนงอมแงม ! จนไม่สามารถที่จะสลัดให้หลุดเลิกละจากนิสัยเดิมได้ ฉะนั้น ขอให้พระคุณเจ้า ได้โปรดช่วยกรุณาแนะแนวทางที่เป็นคติเตือนใจหรือเคล็ดลับให้พวกกระผมได้พ้นไปจากอบายมุขเหล่านี้ด้วยทีเถิดครับ ! พระคุณเจ้า ภิกษุดอกบัวพ้นน้ำ พูดว่า โอ..อมิตาพุทธ ! (แปลว่าแสงสว่างไม่มีที่สิ้นสุด) ท่านที่มีจิตใจ เข้มแข็งดีมาแล้วทุกๆ ท่าน แต่ยังมีบางท่านใช้ความเข้มแข็งของจิตใจนี้ไปในทางที่ผิด โดยมิได้ให้ประโยชน์แก่ชีวิตและร่างกายตนดีพอเท่าที่ธรรมชาติได้สร้างสมให้มา ฉะนั้น ฉันจึงขอให้ท่านทั้งหลายที่ยังมีความปรารถนาดีที่จะเลิกละต่อสิ่งเสพติดเหล่านี้จงจดจำไว้เป็นบทสวดเป็นคติเตือนใจของท่านตลอดชีวิตไป ดังนี้
(5.) จงพิจารณาว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นประโยชน์แก่ชีวิตและร่างกายของเราหรือเปล่า ?
(6.) จงพิจารณาว่า ถ้าเราไม่เล่นการพนัน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบฝิ่น และบุหรี่ ต่าง ๆ เหล่านี้ มันจะทำให้เราถึงแก่ความตายหรือเปล่า ? (ฉิบหายหมดไหม ?)
(7.) จงพิจารณาว่า เงินทองที่เราพยายามเก็บหอมรอมริบหามาได้ด้วยความยากลำบากนั้น เราจะต้องใช้จ่ายไปในสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารเหล่านี้ วันละเท่าไร ? เดือนละเท่าไร ? ปีละกี่มากน้อย ? (จดตัวเลขไว้ดูกันที)
(8.) จงพิจารณาว่า เราตกไปเป็นทาสของเหล้าฝิ่นบุหรี่ การพนันต่าง ๆ หรือเปล่า ? (จะโง่ยอมแพ้แค่นี้หรือ?)
(9.) จงพิจารณาว่า เราตกไปเป็นทาส เป็นเมืองขึ้น ของพวกจักพรรดิแห่งเหล้า ฝิ่น บุหรี่ การพนันต่าง ๆ เหล่านี้ ตั้งแต่เมื่อไร ? เราต้องพยายามส่งส่วยสาอากรให้เขามาแล้วเท่าไร ? และยังจะต้องส่งใช้หนี้ไป.อีกนานเท่าไร ? (จะเป็นคนอ่อนแอทางจิตใจไปอีกหรือ ?)
(10.) จงพิจารณาว่า ถ้าเราสามารถสลัดให้หลุดออกจากความเป็นทาสของสิ่งเสพติดเหล่านี้ได้แล้ว วันหนึ่งจะเหลือเงินท่าไร ? เดือนหนึ่งจะเหลือเงินเท่าไร ? ปีหนึ่งจะมีหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอีกเท่าไร ? สุขภาพจะดีขึ้นไหม ? ครับครัวหลักฐานในอนาคตจะมีทางแจ่มใสขึ้นมาบ้างหรือเปล่า ? (จะเป็นเยี่ยงอย่างทางที่ดีแด่บุตรหลานบ้างไหม ?)
(11.) จงพิจารณาว่า อบายมุขทั้งหลาย เป็นทางนำมาซึ่งชื่อเสียงจะเสีย ทรัพย์จะสูญ มิตรสหายที่ดีจะจาก สังคมที่ดีไม่พึงปรารถนา ต่อ ๆ ไปชีวิตและอนาคตครอบครัวจะเดือดร้อน (คือการฆ่าตัวตายทางอ้อม)
(12.) จงพิจารณาว่า มิตรในซองบุหรี่ ก็เหมือนกับควันบุหรี่ มิตรในแก้วเหล้าก็เหมือนกับฤทธิ์เหล้า และมิตรสหายอะไรเล่า ? ที่ยั่งยืนคงทนถาวรตลอดไป ? (คือมิตรทางธรรมเป็นปัญญาที่รู้แจ้งทางจิตใจ)
(13.) (จงพิจารณาว่า ถ้าเป็นนักบวช นักพรต ก็จะผิดศีลหมดทุก ๆ อย่าง (ขาดความศรัทธาจิตและเคารพนับถือสูงสุดจากปวงชน)
(14.) จงปฏิญาณตนเองทุก ๆ วันว่า ข้าพเจ้าจะพยายามเลิกทาส ! เลิกทาส ! เลิกความเป็นทาส…ของสิ่งสิ้นเปลืองอันไร้ประโยชน์แก่ชีวิตของข้าพเจ้าทุกวันให้จงได้ หรือลดปริมาณให้ค่อย ๆ น้อยลงทุก ๆ วัน ก็ยังดีกว่ามิได้ลดเสียเลย ข้าพเจ้าจะเป็นคนที่เข้มแข็งและทรงพลังทางจิตใจ ชนะกีฬาการเลิกสิ่งเสพติดนี้ ให้จนได้ให้โลกเขารู้กันเสียทีเถิด ! (ใครจะให้ฟรี ๆ ก็ไม่เอา ต้องมีอุดมคติฝึกใจแข็งอย่างนี้บ้าง จึงจะไปได้รอดและ…) เอาละ ! หลักธรรม 10 ข้อนี้เป็นวิปัสสนาธรรมชาติ ถ้าเธอตั้งใจปฏิบัติกันจริง ๆ บ้างแล้ว ต้องได้บรรลุถึงบ้างแน่นอน หรือเรียกว่าได้บรรลุ "วิปัสสนาลืมตา" แล้วจะเท่ากับได้เกิดใหม่ คือกลับชาติในทางธรรมาณาาจักรใจนี้ ไชโย ! ดัง ๆ ได้กันเลย …..แล้วจะเป็นสุขกายตัวจะเบาสบายใจทั้งโลกนี้และโลกหน้าแล….. สาธุ !
(จบบทที่ 1)

กลับสู่หน้าแรก

ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น เล่มที่ 1 บทที่ 1-2

ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น เล่มที่ 1 บทที่ 3-4

Link to Mahayana

Sign My Guestbook

Mail me

CopyRight ©